Apple พลัง AI ล้ำยุคที่ปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล

     ในที่สุด แอปเปิล ได้เปิดตัวเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ภายใต้ชื่อ Apple Intelligence พร้อมให้คำจำกัดความการเป็นระบบอัจฉริยะส่วนบุคคล ที่นำโมเดลเจเนอเรทีฟของ AI ที่สามารถสร้างข้อมูลใหม่ จากการเรียนรู้จากข้อมูลตัวอย่างที่มีอยู่เดิม

     ทางแอปเปิลประกาศว่า เทคโนโลยีนี้จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับความเป็นส่วนตัวให้ผู้ใช้ AI โดยมาพร้อมกับพลังการประมวลผล ในเนื้อหาสิ่งที่ต้องการทั้งการสร้างภาษาและรูปภาพสำหรับการใช้งานเฉพาะบุคคลที่ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น

     ทั้งหมดได้พัฒนาเพื่อเตรียมให้บริการผ่าน iPhone 15 Pro ซีรีส์ ที่ใช้ชิป A17 Pro ในระบบปฏิบัติการ iOS 18 และ iPad บน iPadOS 18, Mac ที่ใช้ชิป M1 และ macOS Sequoia ซึ่งจะมีการเปิดให้บริการแก่ผู้ใช้ทั่วไปในปีนี้

     ทีมงานได้รับการอธิบายถึงการทำงานเพิ่มเติมจากผู้บริหารแอปเปิลระหว่างการไป ร่วมงาน WWDC24 ที่สำนักงานแอปเปิล พาร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา การเลือก OpenAI ซึ่งเป็นผู้พัฒนา Chat-GPT ที่แอปเปิลเลือกมาใช้เป็นโมเดล Gen AI แรกนั้นเพราะว่าอยากเริ่มต้นกับสิ่งที่ดีที่สุด แต่ไม่ใช่เป็นรายเดียว จะมีรายอื่นๆตามมาให้ผู้ใช้เลือกตามความต้องการ พร้อมเอ่ยชื่อ Gemini ของกูเกิล

     สิ่งที่สร้างความน่าสนใจของระบบ AI ของแอปเปิลก็คือการเน้นความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ดังนั้น AI จะทำงานเรียนรู้เฉพาะในตัวเครื่อง หมายความว่าไม่ได้ออนไลน์เข้าไปในเซิร์ฟเวอร์เหมือนรายอื่นๆ ซึ่งน่าทึ่งได้ว่าจะทำงานได้ดีเพียงใด

     แต่แอปเปิลยังมีทางเลือกคือหากประมวลหนักๆ ย่อมต้องส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ ที่เรียกว่า Private Cloud Compute เพื่อประมวลผลส่งกลับมาในตัวเครื่อง แต่เซิร์ฟเวอร์ไม่ได้เก็บข้อมูลไว้ ดังนั้นจึงมั่นใจเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่แอปเปิลถือว่าเป็นนโยบายสำคัญลำดับแรก

Apple Intelligence ทำอะไรได้บ้าง

     ระบบ AI ของแอปเปิลความสามารถในการเขียนและการสื่อสาร ผ่านเครื่องมือ Writing Tools ช่วยปรับสำนวนการเขียน พิสูจน์อักษร และสรุปข้อความในแอปต่างๆ เช่น เมล, โน้ต, Pages และแอปของบริษัทอื่นๆ ทำให้การเขียนและการสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้น

     การสร้างภาพและสื่อสารด้วยภาพ Image Playgroundสามารถสร้างภาพได้ 3 สไตล์ Animation, Illustra tion หรือ Sketch โดยสามารถใช้ในการสื่อสารและถ่ายทอดความคิดในแอปต่างๆ

     สามารถสร้าง Genmoji เป็นอิโมจิที่ไม่ซ้ำใครเพื่อสื่ออารมณ์ในแบบของตัวเองได้ เพียงแค่พิมพ์คำอธิบายง่ายๆ รวมถึงการค้นหาและจัดการภาพถ่ายและวิดีโอ สะดวกสบายมากขึ้น

ทำงานร่วมกับ Chat–GPT อย่างไร

     ผู้ช่วยอัจฉริยะ Siri ของแอปเปิล แม้จะมีความสามารถมากขึ้นแต่จะทำงานได้ระดับหนึ่ง การนำ Chat-GPT จึงเป็นทางออก เพื่อให้การใช้ AI ก้าวล้ำไปกว่าใคร แม้ว่าทั้งสองจะทำหน้าที่คล้ายๆกัน แต่ Chat-GPT เป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ หาก Siri รับไม่ไหวจะส่งต่อมายัง Chat-GPT เพื่อใช้งานประมวลผลต่อ แต่ด้วยหลักของความเป็นส่วนตัวจะต้องบอกผู้ใช้ทุกครั้ง การทำงาน

     Apple Intelligence จะมีทางเลือกที่จะใช้ Chat-GPT ได้อัตโนมัติผ่าน Siri และ Writing Tools ผู้ใช้ทำไม่จำเป็นต้องสมัครบัญชีอะไรเลย และใช้ฟรี หากมีการใช้งานแบบซับซ้อนระบบจะเปิดให้ทำงานโดยต้องบอกการใช้งานทุกครั้ง และทุกครั้งไม่ได้เก็บข้อมูลไว้ อีกทั้งยังมีทางเลือกที่จะใช้งาน Chat GPT ผ่านการสมัครแบบมีค่าใช้จ่ายด้วย

     อย่างไรก็ตามหากไม่ต้องการให้ Siri เชื่อมต่อกับ Chat-GPT ก็สามารถปิดการใช้งานได้เลย

     สรุปเข้าใจง่ายๆก็คือ ต่อไปขีดความสามารถของ Siri ในยุคใหม่ นั่นก็คือการใช้งาน GPT–4o ดีๆนี่เอง และการใช้งานในเวอร์ชันใหม่ๆในอนาคตด้วย

     สำหรับการใช้งานทำไมต้องเป็นอุปกรณ์ใหม่ที่มีราคาค่อนข้างสูง ทางแอปเปิลอธิบายว่า จริงๆแล้วชิปที่มีระบบการเรียนรู้สามารถใช้งานได้ทุกรุ่น แต่ระบบการทำงาน AI ใหม่ ทุกครั้งในการประมวลผลจะต้องลบของเดิมทิ้ง ทำให้ต้องใช้การประมวลผลจากชิปที่ทรงพลังที่สุดนั่นก็คือ ชิป A17 Pro ที่ใช้บน iPhone 15 Pro ซีรีส์ และชิป M1 ที่ใช้บน iPad และเครื่อง Mac, MacBook เพราะหากใช้ชิปเดิมๆ การประมวลผลจะช้า ซึ่งอาจทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดีได้

     นี่เป็นวิธีคิดของโมเดล Apple Intelligence ซึ่งทันทีที่ประกาศออกมา มีการคาดการณ์กันว่า iPhone 16 ที่จะออกมาในเดือนกันยายนนี้จะมียอดขายถล่มทลายอย่างแน่นอน เพราะผู้ใช้รุ่นเดิมจะต้องอัปเกรดเพื่อการใช้งาน AI สุดล้ำของแอปเปิล

WWDC24 กับ iOS 18 ใหม่

     นำเสนอการปรับแต่งและความสามารถใหม่ๆ เพื่อทำให้ iPhone มีความเป็นส่วนตัว ความสามารถ และความฉลาดมากยิ่งขึ้น ที่โดดเด่นที่สุดก็คือเลือกการปรับแต่งบนหน้าจอโฮมใหม่ สามารถจัดวางแอปและวิดเจ็ตได้ตามต้องการบนหน้าจอโฮม ปรับแต่งสีและขนาดไอคอนได้ตามต้องการส่วนตัว แม้แต่ลบชื่อแอปเหลือแต่รูปไอคอน

     คอนโทรลเซ็นเตอร์หรือศูนย์ควบคุมได้รับการออกแบบใหม่ให้เข้าถึงง่ายและปรับแต่งได้มากขึ้น ผู้ใช้สามารถสลับส่วนควบคุมที่ด้านล่างของหน้าจอล็อกและใช้ปุ่มแอ็กชันของ iPhone 15 Pro เพื่อเรียกใช้ส่วนควบคุมต่างๆ ได้รวดเร็ว

     แอปรูปภาพ ออกแบบใหม่มีมุมมองที่รวมเป็นหนึ่งเดียวเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาและย้อนดูช่วงเวลาพิเศษได้ง่าย มีคอลเลกชันใหม่ๆ และการปรับแต่งให้เข้าถึงรูปโปรดได้สะดวก

     แอปข้อความ ปรับปรุงใหม่ มาพร้อมเอฟเฟกต์ใหม่ๆ และความสามารถในการจัดรูปแบบข้อความ รองรับ RCS สำหรับการส่งข้อความกับผู้ติดต่อที่ไม่มีอุปกรณ์ Apple และส่งข้อความผ่านดาวเทียมหากไม่มีการเชื่อมต่อระบบเซลลูลาร์และ Wi-Fi

     แอปล็อก เพิ่มความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยให้กับข้อมูลภายในแอปโดยล็อกและซ่อนแอป แอปพาสเวิร์ดใหม่สร้างบนพื้นฐานของ Keychain ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงรหัสผ่านได้ง่ายและรวดเร็ว

iPadOS 18

     คุณสมบัติใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อเสริมประสิทธิภาพการใช้งาน iPad โดยเฉพาะสำหรับการใช้กับ Apple Pencil ซึ่งในที่สุดแอปเครื่องคิดเลขถูกแนะนำออกมาอย่างเป็นทางการ จัดเต็มด้วยการใช้งาน Math Notes ให้ผู้ใช้พิมพ์หรือเขียนนิพจน์ทางคณิตศาสตร์แล้วแก้โจทย์ได้ทันที คุณสมบัติการเขียนกราฟและกำหนดค่าตัวแปร โฟลเดอร์ Math Notes ใหม่ที่เก็บโน้ตคณิต ศาสตร์โดยอัตโนมัติ

Smart Script

     ปรับข้อความลายมือให้เรียบง่ายและอ่านง่ายขึ้น สามารถใช้ Apple Pencil เพื่อเว้นวรรค ขีดฆ่า หรือคัดลอกข้อความ รวมไปถึงความสามารถในการปรับแต่งหน้าจอและอื่นๆที่เหมือน กับ iOS 18 macOS Sequoia ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ที่ยกระดับการทำงานและความอัจฉริยะบน Mac พร้อมนำเสนอคุณสมบัติใหม่ๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานและการใช้งาน Mac ของผู้ใช้ในหลายๆด้าน เพิ่มการใช้งาน iPhone Mirroring สามารถใช้งาน iPhone บนหน้าจอ Mac ได้ การอัปเดตครั้งใหญ่สำหรับ Safari การค้นพบข้อมูลบนเว็บด้วย Highlights

WatchOS 11

     เพิ่มฟีเจอร์สุขภาพและฟิตเนส รวมถึงการปรับปรุงหน้าจอการนอนหลับและออกกำลังกาย ให้ข้อมูลที่ละเอียดและแม่นยำยิ่งขึ้น แอป Vitals ใหม่จะแสดงตัวชี้วัดที่สำคัญเกี่ยวกับสุขภาพและบริบทที่เกี่ยว ข้องเพื่อให้ผู้ใช้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจมากขึ้นในแต่ละวัน ความสามารถในการวัดความหนักในการฝึกซ้อมจะช่วยมอบประสบการณ์ใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงความฟิตและประสิทธิภาพในการออกกำลังกายให้ดียิ่งขึ้น วงแหวนกิจกรรมสามารถปรับแต่งได้มากกว่าเดิม

VisionOS 2

     ได้ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของอุปกรณ์ Vision Pro เช่น ระบบคำบรรยายแบบเรียลไทม์และการจัดเรียงแอป

AirPods

     หูฟังไร้สาย AirPods ได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่จะเปลี่ยน แปลงวิธีที่ผู้ใช้โต้ตอบกับ Siri เพียงการพยักหน้าเพื่อยืนยันหรือส่ายหน้าเพื่อปฏิเสธ โดยไม่ต้องพูดออกเสียง ทำให้ใช้งานได้ง่ายในสถานที่ที่เงียบสงบหรือมีคนเยอะและเพลิดเพลินกับการเล่นเกมเพิ่มระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อมการติดตามศีรษะแบบไดนามิก ให้ประสบการณ์เสียงที่เต็มอิ่มสมจริงยิ่งขึ้น

     ระบบ AI ของแอปเปิล พร้อมใช้งานหลังแอปเปิลเปิดให้ดาวน์โหลดให้ผู้ใช้งานทั่วไปทดสอบการใช้งานในฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึงนี้ ก่อนเปิดตัวเต็มอย่างเป็นทางการในปีนี้ต่อไป

cr.https://www.thairath.co.th/lifestyle/tech/2793431

Visitors: 54,365